SHEWON on Tour ตอน สิงค์โปร์จ๋า พี่มา(อีก) แล้ววววววววว ตอนที่ 2 + Jewel Singapore Airport

จบวันแรกของการมาสิงคโปร์แบบขาชาๆ

เริ่มวันที่ 2 ด้วยการทำงาน เราไปไหนไม่ได้ล่ะ เพราะต้องอยู่ที่งานแสดงสินค้า คือตรง Bugis Junction ตลอดวันที่ 1- 4 สิงหาคม

อาหารที่นี่ กลิ่นเครื่องเทศจะแรงมากๆ หรือไม่ก็จะเป็นเมนูก๋วยเตี๋ยวชามโตๆ รสจืดๆ เครื่องปรุงจะต่างจากบ้านเรา

จะมีพวกซีอิ๊ว เพิ่มความเค็ม ,ไม่มีมะนาวหรือน้ำส้มสายชู ,พริกก็จะเป็นพริกผัดน้ำมัน แล้วก็ไม่เผ็ด

ราคาประมาณ 5-12$ต่อชาม

ส่วนเครื่องดื่ม ตามร้านทั่วไปก็จะอยู่ที่ 3-7$ แต่บอกไว้นะ น้ำที่นี่ให้น้ำแข็งน้อยมากกกกก กินแล้วไม่เย็นสะใจเลย

อาหารเช้าวันที่สอง เป็นร้าน Toast Box เป็นร้านที่มีสาขาที่สิงคโปร์เยอะมาก

เมนูก็จะเป็น kaya toast ,กาแฟเย็น ใส่เฉาก๊วย ,กาแฟร้อน และชอคโกแลคโรล 1 ชิ้นรวม ราคา 10.30$

อันนี้เป็น toast box สาขา Jewel
มื้อเย็น จะเป็น Food Court ใต้ Bugis Junction

ข้าวแกงกะหรี่หมู ..รสชาติพอได้ หมูอร่อยอยู่ แต่มาเจอแกงกระหรี่รสชาติเครื่องเทศสุดๆ เหมือนมื้อเมื่อวานเลย

ข้าวหมูแกงกะหรี่+บะหมี่ลุกชิ้น ราคา 11.8$

เช้าวันที่ 3 เริ่มที่ข้าวมันไก่

คือเดินจากโรงแรม กำลังจะไป bugis เห็นเค้านั่งกินอยู่ถึงกับหยุด แล้วพยักหน้ากะแม่ 2 คน นี่แหละ อาารเช้าวันนี้ ข้าวมันไก่ๆๆๆๆๆ

เป็นเมนูที่พอจะเข้าตา เมนูแรกตั้งแต่มาที่นี่ คือของดีอยู่ที่ไก่ ไก่เนื้อนิ่มสุดๆ มีความชุ่มฉ่ำ มีความหอมน้ำมันงา น้ำซุปนี่เหมือนกะที่ไทยเลย

แต่น้ำจิ้มนี่สิ ถ้วยแดงๆนั่น มันไม่ค่อยเผ็ด ไม่ค่อยเปรี้ยว ไม่เค็ม ยังไงไม่รู้ เอาซีอิ๊วดำมาช่วยแล้วก็ยังกร่อยๆอยู่ คิดถึงน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวไทยสุดๆ

2 จาน 7$

วันนี้ช่วงเช้าพอมีเวลาเดินเล่นก่อนเปิดบูท เลยข้ามไปฝั่ง Bugis Street

เป็นคล้ายๆตลาดบ้านเรา มีทั้งอาหาร เสื้อผ้า ของฝาก ขนม

มื้อเย็นวันนี้ เป็น Food Center ด้านบน Bugis Junction เป็นบะหมี่ชามใหญ่ๆ เค้าจะทำแห้ง และมีน้ำซุปมาให้ (ลืมถ่ายรูปมา)

รสชาติก็ยังไม่โออยู่ดี

วันที่สี่ เริ่มเมนูข้าวมันไก่ร้านเดิม และพาแม่ไปเดินที่ Bugis Street ด้วย เลยได้ของติดไม้ติดมือมานิดหน่อย

มีหนังปลาไข่เค็ม แต่ไม่ใช่ยี่ห้อดังนะ 2 ห่อ 12$


เย็นวันนี้มองหน้ากันล่ะ เราต้องหาอะไรที่มันมีความเปรี้ยว ความเผ็ดมากินกันได้ล่ะ เพราะหลายวันที่ผ่านมา เจอแต่จืดๆ เครื่องเทศๆ

ไปจบที่ ไก่ bonchon จ้าาาาา เจอไชเท้าดองเปรี้ยวๆ ไก่สไปซี่ ซุปกิมจิ ค่อยยังชั่วหน่อย

ราคา 33.9$


เช้าวันที่ 4 สำหรับงานแสดงสินค้าวันสุดท้าย เราเดินจาก bugis ข้ามถนนไป bugis street และข้ามไปอีกตึกด้านหลัง

เป็น food court local มากๆ วันนี้มาตามหาโจ๊กอันเลื่องลือว่าอร่อยนักหนา ด้วยความหิว หน้าไหนดังไม่รู้ เอาร้านนี้ล่ะกัน หน้าตาใช้ได้อยู่

ชามใหญ่โตมโหฬารเช่นเคย 2 ชาม ราคา 12$

กลับมาฝั่ง Gugis ตามล่าหาน้ำหวานๆปั่นๆ ได้มาเจอร้านนี้ ตุ๊กตุ๊กชา จ่ะ ธีมไทยๆ แต่ไม่รู้เจ้าของเป็นคนไทยรึเปล่า

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของงาน เตรียมเก็บของกลับไปไว้ที่โรงแรม และออกมาหาของกินในซอยตรงข้ามด้านหลัง bugis junction

เป็นซอยที่กลางคืนคึกคักมาก เต็มไปด้วยร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านบุฟเฟ่ ราคาหัวละประมาณ 25-30$ ก็พอๆกะเมืองไทยเลยล่ะ

วันเสาร์อาทิตย์ เค้าจะปิดถนน ตั้งเก้าอี้กินกันบนนถนนเลยจ้า

เดินไปมา บุฟเฟ่ คงไม่ไหว แม่รีเควสขอเป็นอาหารไทยแล้วกัน เผ็ดๆ แซ่บๆหน่อยน่าจะดี

เลยไปเจอร้านอาหารไทย อยู่เกือบสุดซอย ก่อนสั่ง ถามว่าเชฟเป็นคนไทยใช่มั้ย? … ใช่ต่ะ เชฟคนไทย อ้าววพนักงานก็พูดไทยได้

ทีนี้ล่ะ สั่งเป็นเมนูต้มยำทะเล กับน้ำตกหมู ..ขอเผ็ดๆแซ่บๆนะคะ

มาถึงปุ๊ป ต้มยำนี่เปรี้ยวเผ็ดได้ใจ ส่นน้ำตกหมูนี่เผ็ดแสบท้องเลยค่าคู้นนนนนนน

ขนาดเราที่ว่ากินเผ็ดแล้ว ถึงกับน้ำตาเอ่อ ใครจะมาทานอาหารไทยร้านดี รสชาติดีเหมือนที่ไทยทุกประการ แต่อย่าร้องขอความแซ่บนะคะถ้าคุณคอไม่ถึง ^^

เสร็จแล้วมาหาของหวานล้างความเผ็ดซะหน่อย ร้านใกล้ๆกัน

เป็นเมนูบิงชูเมล่อน อร่อย หอม หวานน้อย สดชื่นๆ

ทานเสร็จ ท้องตึงมากๆ เลยชวนกันไปเดินย่อยที่ น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง Fountain of Wealth ตรงตึก Suntec City

ก่อนจะกลับโรงแรม

วันสุดท้าย วันเที่ยวของพวกเรา เนื่องจากเราจองไฟล์ทดึก 22.45 เลยมีเวลาว่างทั้งวัน

เช้านี้เลยหาของกินก่อน เพิ่มพลังที่ร้าน Fun Toast ด้วยเมนู Mee Siam ไอ้เราก็อ่าน อ่อ น่าจะหมี่สยามแหละ ดูรูปนี่คล้ายๆผัดไทย เอาล่ะ สั่งอันนี้

อ้าว ทำไมออกมามันหน้าตางี้วะ กินแล้วมันคล้ายๆขนมจีนน้ำยาถั่วที่หวานๆอ่ะ รสชาติก็พอได้อยู่นะ

เริ่มทัวร์ด้วย Tiger balm garden จะเป็นสวนที่มีรูปปั้นต่างๆที่แสดงตำนานของจีน

ส่วนตัวคิดว่าไม่มีอะไร เค้ามีประวัติของแต่ละที่ไว้นะ ภาษาอังกฤษ จีน เราขี้เกียจแปล เลยไม่ค่อยอินเท่าไหร่

เสร็จแล้วมาต่อที่ย่านคนไทยในสิงคโปร์ นั่นคือ Golden Mild

ที่นี่เป็นห้างเก่า เก่ามากกกกกก ไม่เหมือนว่าอยู่สิงคโปร์เลย ในนี้มีของไทยขายเยอะมาก ขนส่งมาทางรถจากหาดใหญ่ ผ่านมาเลเซีย ถึงสิงคโปร์

ใช้เวลาแค่วันเดียวก็ถึง ที่นี่เลยมีทั้งผักสด เช่น ผักกูด สะตอ ปลาร้า เพียบ คนไทยหรือร้านไทยก็จะมาซื้อวัตถุดิบจากที่นี่

แต่เป้าหมายจริงๆแล้วเราจะมากินชาบูกัน เขาว่ากันว่าเป็นร้านดังย่านนี้ อยู่ชั้นใต้ดินนะ  ยิ้ม

กินเสร็จก็เดินทางต่อ สถานีถัดไปคือ ถนน ออชาร์ด ถนนสายแฟชั่นแบรนด์เนมใจกลางเมือง

  หลังจากนั้นที่สุดท้ายก่อนไปสนามบิน คือห้าง Mustafa

MRT จากสถานี Orchard (สายสีแดง) >> เปลี่ยนสถานีเป็นสายสีม่วงที่ Dhoby Ghaut >> ไปยังสถานี Farrer Park

เป็นห้างที่ของเยอะมากกกกกกกกก คือหาของไม่เจอนะพูดเลย

กะจะไปดูสินค้าในตลาดซะหน่อย หมวดที่จะหา หาไม่เจอค่ะ ได้แต่ช้อปปิ้งชอคโกแลตมาแทน

ถึงเวลาที่จะต้องกลับแล้ว ถึง Changhi Airport Teminal 2

เจอเครื่องที่ให้เราต้องเช็คอินด้วยตัวเอง อ่ะลองดู

มีคนข้างๆที่เค้าชำนาญช่วยจิ้มๆ สแกนๆ passport ก็จะได้ตั๋วและแทคกระเป๋ามา หลังจากนั้นก็ไปจุดโหลดกระเป๋า

นี่ล่ะ เอาเข้าๆออกๆ หลายทีเพราะน้ำหนักเกิน จนพนักงานเดินมาว่า

ข้อดีของการเช็คอินแบบนี้คือ รวดเร็ว ไม่ต้องรอต่อคิว (แต่จริงๆรอไม่นานนะ ระบบเค้าดี)

ข้อเสียคือ 1.น้ำหนักเกินจะโดน cancel อัตโนมัติเลย ไม่หยวนๆเหมือนใช้คนที่เกินได้นิดๆหน่อยๆ

2.ไม่มีการติดป้ายfragile ทำให้ขากลับป้ายโฆษณาที่เราเอาไปหัก ทั้งที่ขามาติด fragile แต่ป้ายไม่มีปัญหา

เอาเสื้อผ้าออกมาใส่ใบที่ carry ขึ้นเครื่องแทน และจุดมุ่งหมายสุดท้าย

JEWELLLLLLLLLLLLLLLL

เดินจาก T2 ไป Jewel มีป้ายบอกตลอดทาง ไม่ไกลมาก


จริงๆมันก็คือห้างห้างนึงแหละ คนที่ไม่ได้บินก้เค้ามาเที่ยว มาช้อปได้ แต่ถ้ามากลางวันจะเห็นบรรยากาศรอบๆมากกว่านี้

แต่กลางคืนก็มีแสงสี สวยไปอีกแบบ เราเดินลงไปชั้นล่างสุด ก็จะเป็นอุโมงน้ำๆ ที่น้ำด้านบนตกลงมา

  

สุดท้าย SHEWON ขอบคุณโอกาสจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ให้เรามาเปิดตลาดที่สิงคโปร์

ได้เพื่อนเพิ่มเยอะ และสิ่งดีๆระหว่างทางอีกมากมาย ขอบคุณค่ะ

ทิ้งท้ายด้วยบรรยากาศงาน Thailand Week 2019 @Bugis Junction ,Singapore

Leave a comment